โมฮาเหม็ด ซาลาห์

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกจอมถล่มประตูของลิเวอร์พูล ยังคงเป็นหนึ่งในนักเตะที่ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฟอร์มการเล่นในสนาม หรือประเด็นเกี่ยวกับอนาคตของเขากับสโมสร แม้ว่าล่าสุดจะมีข่าวดีสำหรับแฟน “หงส์แดง” เมื่อมีการยืนยันว่าซาลาห์ได้จรดปากกาต่อสัญญาฉบับใหม่กับลิเวอร์พูลไปจนถึงปี 2027 แล้วก็ตาม

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ต่อสัญญาฉบับใหม่อย่างเป็นทางการกับ ลิเวอร์พูล อีก 2 ปี  จนถึงปี 2027

สัญญาฉบับใหม่และความมุ่งมั่นกับลิเวอร์พูล

เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2025 ที่ผ่านมา สโมสรลิเวอร์พูลได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่ที่จะทำให้เขาอยู่กับทีมไปจนถึงปี 2027 ซึ่งเป็นการยุติข่าวลือเรื่องการย้ายทีมที่เกิดขึ้นมานานหลายเดือน ซาลาห์ได้กล่าวว่าเขารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่ได้อยู่กับทีมต่อไป และเชื่อมั่นว่าลิเวอร์พูลมีโอกาสที่จะคว้าถ้วยรางวัลสำคัญๆ ได้อีกในอนาคต

การต่อสัญญาครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของซาลาห์ที่มีต่อสโมสร หลังจากที่เขาสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมมาโดยตลอด นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมในปี 2017 เขากลายเป็นหนึ่งในผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของสโมสร และเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ทั้งพรีเมียร์ลีกและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

ฟอร์มการเล่นอันโดดเด่นและรางวัลส่วนตัว

โมฮาเหม็ด ซาลาห์

 

ในฤดูกาล 2024-25 ที่เพิ่งจบไป ซาลาห์ยังคงรักษาฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมอย่างสม่ำเสมอ โดยเขาคว้ารางวัล รองเท้าทองคำพรีเมียร์ลีก (Premier League Golden Boot) เป็นสมัยที่ 4 ด้วยการทำประตูไป 29 ลูกจากการลงเล่น 38 นัดในลีก ซึ่งช่วยให้ลิเวอร์พูลภายใต้การคุมทีมของอาร์เน่ สล็อต คว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จ นอกจากนี้ เขายังคว้ารางวัล นักเตะชายยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอลอังกฤษ (FWA Footballer of the Year) ประจำฤดูกาล 2024-25 ด้วยคะแนนโหวตถล่มทลาย จากผลงาน 33 ประตู และ 23 แอสซิสต์ในทุกรายการ

ข่าวลือการย้ายทีมในอดีตและอนาคตที่ยังคงถูกจับตา

แม้จะมีการต่อสัญญาฉบับใหม่แล้ว แต่ก่อนหน้านี้ซาลาห์เคยตกเป็นข่าวลือเกี่ยวกับการย้ายไปค้าแข้งในลีกซาอุดีอาระเบียอย่างหนัก โดยเฉพาะกับสโมสรอัล-อิติฮัด ซึ่งเคยยื่นข้อเสนอที่สูงถึง 150 ล้านปอนด์ในฤดูร้อนปี 2023 ซาลาห์เองก็เคยยอมรับว่าเขาเกือบจะย้ายไปลีกซาอุฯ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ก่อนที่จะตัดสินใจขยายสัญญากับลิเวอร์พูลในท้ายที่สุด

สำหรับอนาคต แม้สัญญาจะอยู่ถึงปี 2027 แต่ด้วยวัยที่เข้าสู่ช่วงปลาย 30 ต้นๆ การเปลี่ยนแปลงในวงการฟุตบอลย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ การเข้าร่วมฟุตบอลแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ (AFCON) ในปี 2025 อาจทำให้ซาลาห์พลาดการลงสนามให้ลิเวอร์พูลหลายนัด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่าจับตาในฤดูกาลหน้า

โดยรวมแล้ว โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในแนวรุกของลิเวอร์พูล และเป็นที่รักของแฟนบอลทั่วโลก การต่อสัญญาครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับ “หงส์แดง” ที่จะยังคงได้เห็น “ฟาโรห์แห่งอียิปต์” สร้างสรรค์ผลงานอันน่าทึ่งในสนามแอนฟิลด์ต่อไป

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (Mohamed Salah) ดาวยิงสัญชาติอียิปต์ เกิดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 1992 ที่หมู่บ้านนากริก (Nagrig) ประเทศอียิปต์ ปัจจุบันเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลก ด้วยความเร็วอันจัดจ้าน ทักษะการเลี้ยงบอลที่เหนือชั้น และสัญชาตญาณการทำประตูที่เฉียบคม ทำให้เขากลายเป็นที่รักของแฟนบอลลิเวอร์พูลและทีมชาติอียิปต์อย่างแท้จริง

จุดเริ่มต้นและก้าวแรกสู่ยุโรป

โมฮาเหม็ด ซาลาห์

ซาลาห์เริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลกับสโมสรท้องถิ่นในอียิปต์อย่าง อัล-โมคาวลูน อัล-อาหรับ (El Mokawloon Al Arab) โดยประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ในปี 2010 ด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่น ทำให้แมวมองจากยุโรปให้ความสนใจ และในปี 2012 เขาก็ได้ย้ายมาร่วมทีม บาเซิล (FC Basel) สโมสรยักษ์ใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์

โมฮาเหม็ด ซาลาห์

ที่บาเซิล ซาลาห์แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันล้นเหลือ เขามีส่วนสำคัญช่วยให้ทีมคว้าแชมป์สวิสซูเปอร์ลีกได้ถึง 2 สมัย และยังสร้างความประทับใจในเวทียุโรปอย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกและยูฟ่า ยูโรปา ลีก ซึ่งเป็นใบเบิกทางให้เขาก้าวไปสู่ลีกที่ใหญ่ขึ้น

ประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีกครั้งแรกและช่วงเวลาในอิตาลี

โมฮาเหม็ด ซาลาห์

ในปี 2014 ซาลาห์ย้ายมายังพรีเมียร์ลีกครั้งแรกกับ ชลซี (Chelsea) ภายใต้การคุมทีมของโชเซ่ มูรินโญ่ อย่างไรก็ตาม เขากลับไม่ได้รับโอกาสลงสนามมากนัก และต้องเผชิญกับความยากลำบากในการปรับตัวเข้ากับฟุตบอลอังกฤษ ทำให้ถูกปล่อยยืมตัวไปหาประสบการณ์ในอิตาลีกับ ฟิออเรนติน่า (Fiorentina) ในปี 2015

โมฮาเหม็ด ซาลาห์

โมฮาเหม็ด ซาลาห์

ที่ฟิออเรนติน่า ซาลาห์กลับมาโชว์ฟอร์มได้ดีอีกครั้ง ก่อนที่จะย้ายไปร่วมทีม โรมา (AS Roma) ในปี 2015 และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม กลายเป็นปีกตัวรุกที่สร้างสรรค์โอกาสและทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในอิตาลี ซาลาห์พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขามีความสามารถที่จะสร้างความแตกต่างได้จริง

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ “คิงอียิปต์” แห่งแอนฟิลด์

โมฮาเหม็ด ซาลาห์

จุดสูงสุดในเส้นทางอาชีพของซาลาห์เกิดขึ้นในปี 2017 เมื่อ ลิเวอร์พูล (Liverpool) ตัดสินใจทุ่มเงินคว้าตัวเขากลับสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง และนี่คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดของ “หงส์แดง”

ซาลาห์ระเบิดฟอร์มอย่างก้าวกระโดดในฤดูกาลแรกกับลิเวอร์พูล (2017-18) ด้วยการยิงไปถึง 44 ประตูในทุกรายการ คว้าตำแหน่งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก (Golden Boot) และคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA (PFA Players’ Player of the Year) รวมถึงรางวัลส่วนตัวอีกมากมาย ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจคนใหม่ของแฟนบอลลิเวอร์พูลในทันที และได้รับฉายาว่า “ฟาโรห์” หรือ “ราชาแห่งอียิปต์”

ภายใต้การคุมทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ ซาลาห์เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก (UEFA Champions League) ในปี 2019 และยุติการรอคอยแชมป์ลีก 30 ปี ด้วยการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก (Premier League) ในฤดูกาล 2019-20 นอกจากนี้เขายังพาทีมคว้าแชมป์อื่นๆ อีกมากมาย เช่น FA Cup, Carabao Cup, FIFA Club World Cup และ UEFA Super Cup

ในนามทีมชาติอียิปต์

โมฮาเหม็ด ซาลาห์

ในระดับทีมชาติ ซาลาห์ถือเป็นวีรบุรุษของชาวอียิปต์อย่างแท้จริง เขาประเดิมสนามกับทีมชาติชุดใหญ่ในปี 2011 และเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่พา “มัมมี่” ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2018 ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี รวมถึงการพาทีมเข้าชิงชนะเลิศแอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ (Africa Cup of Nations) ในปี 2017 และ 2021

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไม่ได้เป็นเพียงนักฟุตบอลที่เก่งกาจ แต่เขายังเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังและความภาคภูมิใจของประเทศอียิปต์ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ทั่วโลก ด้วยเรื่องราวการต่อสู้จากจุดเริ่มต้นที่เรียบง่าย สู่การเป็นหนึ่งในตำนานของวงการฟุตบอลยุคปัจจุบัน. mingelbingo

By Burn