เบส สามารถเพิ่มการสูบบุหรี่ของวัยรุ่นได้ถึง 47%
เบส ไม่น่าเชื่อเรื่องการเรียนรู้ใหม่ของ Duke แสดงให้เห็นว่าการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าของ FDA สามารถเพิ่มการสูบบุหรี่ของวัยรุ่นได้สูงถึง 47% อย่างยิ่งจริงๆ
ในสหรัฐอเมริกา FDA หรือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา นั้นได้มีความมานะบากบั่นที่จะจำกัดวิธีการใช้งานของบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของรสชาติ ความเข้มข้นของนิโคติน หรือความ เบส มากมายหลายของตัวอุปกรณืบุหรี่ไฟฟ้าเอง ส่งผลให้วัยรุ่นอาจหันไปสูบบุหรี่เพิ่มขึ้น ทาง C9vapors จึงต้องการนำเสนอบันทึกเรื่องราวนี้ และยกตัวอย่างเข้ากันกับประเทศไทย ที่อาจจะมีกรณีนี้กำเนิดขึ้นในอนาคตด้วยเหมือนกัน
การศึกษาใหม่ของ Duke แสดงให้เห็นว่าการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าของ FDA ความมานะบากบั่นของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ในการจำกัดความพร้อมเพรียงของผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าสามารถสนับสนุนให้เยาวชนเกือบจะครึ่งที่มีอยู่กลับสู่
อ้อมแขนของสินค้ายาสูบตามการศึกษาเรียนรู้ใหม่ของ Duke Health การตรวจสอบออนไลน์กับผู้เข้าร่วม 240 ผู้คนที่มีอายุระหว่าง 18-29 ปี นักวิจัยได้ตั้งสถานการณ์สมมุติขึ้น ผู้ตอบแบบสอบถามกี่คนจะทำการปรับเปลี่ยนความประพฤติปฏิบัติการสูบบุหรี่ไฟฟ้าหรือการสูบบุหรี่ของพวกเขา แล้ว FDA ควรจะทำงานด้านกฎระเบียบอย่างมากในการต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้า? เหตุการณ์ที่พรีเซนเทชั่นมีอย่างกับต่อไปนี้
การสร้างขอบเขตรสชาติของน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าให้เหลือเพียงแค่ยาสูบและเมนทอล
อันดับความเข้มข้นของนิโคตินน้อยลง
การจำกัดความหลากหลายของวัสดุบุหรี่ไฟฟ้าที่มีซื้อขายแลกเปลี่ยนในท้องตลาด
ผู้เข้าร่วมการพิจารณาโดยประมาณหนึ่งในสามกำหนดตัวเราเองว่าเป็นผู้บริโภคทั้งบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าทั้งสองแบบ จากผลการเล่าเรียนเจอว่า 47% ของผู้ตอบแบบสำรวจเยาวชนทั้งหมดทั้งมวลกล่าวว่าหมวดหมู่เขามีลัษณะทิศทางที่จะเสริมเติมวิธีใช้สินค้ายาสูบแบบเดิมถ้า FDA กำจัดหรือลดความเข้มข้นของนิโคตินในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้ในการสูบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างมาก
อีก 22 เปอร์เซ็นต์เฉพาะเจาะจงเพิ่มอีกว่าพวกเขามีลัษณะทิศทางที่จะสูบบุหรี่หลายครั้งขึ้นถ้า FDA จำกัดปริมาณความมากมายหลายของเครื่องไม้เครื่องมือบุหรี่ไฟฟ้าที่ปรับปรุงแก้ไขได้เป็นอย่างมาก หรือจำกัดประเภทของคุณสมบัติที่มีอยู่ เป็นต้นว่า การสั่งการอุณหภูมิและกลไกการจัดการจำนวนนิโคติน
โดยประมาณ 17 เปอร์เซ็นต์อิงว่าหมวดเขาอาจจะกลับไปสูบบุหรี่อย่างบริบูรณ์ถ้าองค์การอาหารและยา จำกัด ปริมาณรสชาติขอน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่มีอยู่ด้านในตลาดให้เหลือแค่เจาะจงยาสูบและ เบส เมนทอลแค่นั้น การเรียนของ Duke Health มีชื่อเรื่องว่า Young adult dual
ในขณะที่การศึกษาของ Duke Health เกี่ยวพันกับกลุ่มสั่งการที่ค่อนข้างเล็กของเยาวชน Dr. Lauren Pacek หัวหน้าทีมวิจัยมั่นใจว่าการศึกษาค้นพบที่เกี่ยวเนื่องจะต้องเป็นข้อตกลงณปลุกให้สมาชิกสภานิติบัญญัติและเจ้าหน้าที่ขององค์การอาหารและยา (FDA) ตื่นขึ้น
แม้แต่นักการเมืองระดับท้องถิ่นและลำดับขั้นรัฐก็ควรระมัดระวังในการออกระเบียบหมายต่อต้านการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งอาจจะเป็นผลให้อัตราการสูบบุหรี่ของวัยรุ่นเพิ่มเติมอีกขึ้นอย่างน่าตกอกตกใจเกือบจะในชั่วข้ามคืน ดังเช่นว่า เมืองซานฟรานซิสโกที่เพิ่งผ่านกฎที่ต้องปฏิบัติตามหมายแคว้นที่ห้ามวิธีขายผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมดทั้งมวล ไม่ว่าจะผ่านทางหน้าร้านค้าทั่วไปหรือทางออนไลน์
แม้ว่า Dr. Pacek จะเตือนว่าการปฏิบัติงานด้านหลักเกณฑ์เช่นนี้คงจะสร้างผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามกับที่ต้องการที่จะได้ แต่เธอก็สนับสนุนความจำเป็นสำหรับข้อเสนอแนะด้านข้อกำหนดจำเพาะที่เกี่ยวโยงกับความรู้สึกที่อยากได้จำนวนภัณฑ์ที่ปกป้องเด็ก หลักเกณฑ์ความไม่มีอันตรายที่เพิ่มขึ้น และข้อตกลงสำหรับการประชาสัมพันธ์ที่เย้ายวนใจใจเด็ก
สำหรับในการให้สัมภาษณ์กับ Medical Express Dr. Pacek กล่าวว่า “เราต้องการที่จะผ่านเข้าไปก่อนเพื่อที่จะชมว่าผู้ใช้จะตอบสนองต่อข้อกำหนดใหม่ ๆ ยังไง ผลการค้นคว้าวิจัยของพวกเราชี้ให้เห็นว่าในตอนที่กฎระเบียบอะไรบางอย่าง เช่น การห้ามรสชาติบางสิ่งเพื่อจำกัดความน่าดึงดูดใจเพื่อวัยรุ่น คงจะปรับแต่งผลลัพธ์เพื่อผู้ใช้อายุบางส่วนพวกนั้น หลักเกณฑ์ใหม่อาจมีผลกระทบที่ไม่ใส่ใจกับส่วนอื่นๆ ของคนซื้อบุหรี่ไฟฟ้า”
บุหรี่ไฟฟ้าสามารถปรับปรุงแก้ไขสุขรูปของกล้ามเนื้อจิตใจได้
เพื่อหักล้างงานวิจัยที่ไม่เป็นจริง ข่าวสารลือร้ายๆเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า มักจะกลับมาเป็นเนื้อหาข้อมูลข่าวสารราวเสมอ ในทุกๆ 2 ถึง 3 เดือน ซึ่งนั่นหมายความว่า 4-5 ครั้งในแต่ละปี ที่นิยมจะมีเนื้อหาข้อมูลข่าวสารที่ชั่วร้าย เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้บุหรี่ไฟฟ้าโดนรู้เรื่องผิดอยู่เป็นประจำ วันนี้ C9vapors มีงานศึกษาค้นคว้าที่จะมาโค่นอำนาจความเข้าใจไม่ถูกที่คนหลายท่านมีต่อบุหรี่ไฟฟ้ามาให้ทุกท่านอ่านกัน
การศึกษาเรียนรู้วิจัยบอกให้เห็นว่าการเปลี่ยนไปใช้บุหรี่ไฟฟ้าสามารถแก้ไขสุขภาพของกล้ามเนื้อดวงใจได้
มีการพูดถึงกันมากไม่น้อยเลยที เบส เดียวเกี่ยวกับงานวิจัยที่เขียนด้วยกันโดย Stanton Glantz ผู้โด่งดังที่เท้าความว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้านำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการจิตใจวาย บทสรุปที่สมมุติขึ้นของการเรียนรู้นี้ได้รับความสนใจอย่างแผ่ไปถึงโดยการรายงานเท็จว่าบุคคล 38 คน
เจอกับภาวะดวงใจล้มเหลวหลังจากแปลงจากการสูบบุหรี่เป็นบุหรี่ไฟฟ้า อย่างไรก็แล้วแต่ เมื่อทบทวนเติมอีก Dr. Brad Rodu จากสถาบันระดับปริญญา Louisville พบว่าสถานะการณ์เกี่ยวกับดวงใจที่ถูกกล่าวหาว่ากำเนิดขึ้นจริงเมื่อหลายปีที่ผ่านมา แทนที่จะกำเนิดขึ้นในทันทีหลังจากที่บุคคลเหล่านั้นเปลี่ยนไปใช้การสูบบุหรี่ไฟฟ้า
สำหรับคนที่อาจจะต้องการหลักฐานเพิ่มเติมอีก การเรียนอื่นที่จัดการทำโดยกลุ่มศึกษาค้นคว้าของ Dr. Konstantinos E. Farsalinos จากศูนย์ศัลยกรรมจิตใจ Onassis ในกรีซ ยังเจาะจงอีกว่าผู้สูบบุหรี่ที่เป็นผู้ใหญ่ที่เปลี่ยนไปใช้บุหรี่ไฟฟ้าจะได้รับการแก้ไขเป็นอย่างมาก
ในสุขรูปของกล้ามเนื้อหัวใจในทันทีทันใด งานศึกษาค้นคว้าได้รับการจัดการทำเป็นแบบฟอร์มอย่างยอดเยี่ยมในการศึกษาแบบ peer-reviewed เรื่อง ผลกระทบเฉียบพลันของวิธีการใช้เครื่องมือส่งสารนิโคตินอิเล็กทรอนิกส์ (บุหรี่ไฟฟ้า) ต่อแนวทางการทำงานของกล้ามเนื้อจิตใจ: เทียบกับผลพวงของบุหรี่ปกติ (BMC Cardiovascular Disorders)
รูปรวมของการเรียนบุหรี่ไฟฟ้าของ FARSALINOS ที่เกี่ยวกับรูปแบบการทำงานของกล้ามเนื้อจิตใจ
น่าแปลกที่เอกสารปลอมที่ตีพิมพ์โดย Stanton Glantz ไม่น่าใช่ครั้งแรกที่นักขยับเขยื้อนต่อต้านการสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่มีแนวคิดสมคบคิดได้
ตีพิมพ์งานศึกษาค้นคว้าปลอมที่ละเลยต่อกฎข้อบังคับการทางวิทยาศาสตร์ที่สมควร ในเดือนเดือนสิงหาคม 2017 แบบฟอร์มอีกฉบับหนึ่งที่เพียรพยายามเชื่อเรื่องมโยงการสูบบุหรี่ไฟฟ้ากับอาการดวงใจวายอย่าง เบส ไม่ถูกต้องแม่นยำปรากฏออนไลน์และเริ่มต้นแพร่กระจายไปทั่วเครือข่ายสังคมออนไลน์
งานเอกสารปี 2017 มีชื่อเรื่องที่ออกจะน่าตกอกตกใจ อย่าง บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายพอๆ กับการสูบบุหรี่ แค่เพียงหยดเดียวก็เสริมเติมความเสี่ยงต่อการเป็นโรคจิตใจวายได้ ได้ถูกหักล้างในทันทีโดยดร. Farsalinos และคนอื่นๆ ๆ ในชุมชนวิทยาศาสตร์ในเวลาที่การเรียกร้องให้มีการเพิกถอนโดยในทันทีโดยสมาชิกสถาบันการเรียนรู้ปริมาณมากถูกเฉยเมยโดยเว็บไซต์เปิดเผยแพร่ อย่างไรก็แล้วแต่ การตีพิมพ์บันทึก
เรื่องราวที่ไม่เป็นความจริงที่อันตรายดังที่ได้กล่าวมาแล้วเป็นสิ่งที่คงจะมีส่วนนำมาซึ่งการทำให้ Farsalinos มีส่วนร่วมในการศึกษาเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ของเขาเองซึ่งเกี่ยวโยงกับผลกระทบที่อาจมีเหตุที่เกิดจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าต่อหัวใจ
นักวิจัยชาวกรีกเริ่มต้นด้วยการขอความให้การช่วยเหลือจากผู้เข้าร่วม 81 คน โดย 76 คนศึกษาวิจัยเสร็จเรียบร้อยแล้ว 40 คนเป็นผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำขั้นต่ำหนึ่งเดือนซึ่งชี้เฉพาะตนเองว่าเคยสูบบุหรี่ด้วย ผู้เข้าร่วม 36 คนที่เหลือเป็นผู้สูบบุหรี่อย่างต่ำ 5 ปีโดยบริโภคบุหรี่ขั้นต่ำ 15 ครั้งต่อวัน อายุเฉลี่ยของผู้ร่วมคือ 35.5 ปี ทั้งชายและสตรีเข้าร่วมสำหรับเพื่อการทดทดสอบทางคลินิก
ในช่วงการทดทดลอง ผู้สูบบุหรี่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ติดไฟได้แบบเดียวกัน และขอให้ผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าใช้น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่มีนิโคตินขนาด 7 มล. เช่นกัน แล้วหลังจากนั้นผู้ร่วมแต่ละคนจะถูกถามเป็นระยะ ๆ ให้สูบบุหรี่ไฟฟ้าหรือสูบบุหรี่ในห้องจัดการงานที่เจาะจงเป็นพิเศษ ในช่วงเวลาที่นักวิจัยติดตาม รวบรวม และตรวจดูการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจหลายสิ่งหลายอย่าง
ควันระเหยของบุหรี่ไฟฟ้าใช้ณ เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการสลายตัวควันบุหรี่ใช้ระหว่าง 45 นาที
คนทั่วไปส่วนใหญ่ที่ไม่สูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้านั้น มักมองว่าควันของบุหรี่และควันระเหยของบุหรี่ไฟฟ้านั้นมีอันตรายที่เทียบเท่ากัน แต่ความเข้าใจนั้นเป็นความ เบส รู้ความเข้าใจที่ไม่ถูก นอกจากนี้ควันระเหยของบุหรี่ไฟฟ้ายังสามารถสลายตัวไปได้อย่างเร็วทันใจกว่ามาก วันนี้ทาง C9vapors นำงานวิจัยที่เกี่ยวโยงมาชี้แนะให้แก่คุณแล้ว
ควันระเหยของบุหรี่ไฟฟ้าใช้ขณะเพียงไม่กี่วินาทีในการสลายตัว ควันบุหรี่ใช้ช่วง 45 นาที
จากการตรวจทานบ่อยครั้งที่ทำงานโดยองค์กรสาธารณสุขเริ่มทำให้รู้ว่าชาวอเมริกันจำนวนมากเชื่ออย่างผิด ๆ ว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้านั้นอาจ
จะถึงตายได้พอๆกับการสูบบุหรี่ ข้อมูลที่ไม่ถูกที่แพร่กระจายทางออนไลน์โดยหน่วยงานสาธารณสุขและผู้กระทำการเสนอแนะชักจูงสมาชิกรัฐสภาให้กระทำต่อต้านยาสูบเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้มีการเกิดความสับสนนี้ เพราะเหตุว่าทั้งบุหรี่ไฟฟ้าและสินค้ายาสูบที่ติดไฟ
ได้นั้น สามารถผลิตควันสีขาวๆที่มองดูแล้วเกือบจะด้วยเช่นกันอย่างไม่ไม่ถูกเพี้ยน โดยยิ่งไปกว่านั้นกับทั่วๆไปที่ไม่สูบบุหรี่ ก็เลยค่อนข้างไม่ยากที่จะเข้าใจว่าเพราะเหตุใดคนอเมริกันจำนวนมากจึงเชื่ออย่างผิด ๆ ว่าผลิตภัณฑ์ทั้งคู่มีอันตรายเท่ากัน
ในต้นปี 2018 การศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยเรื่อง การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของมะเร็งจากสินค้าที่ให้สารนิโคติน จากทั้งบุหรี่ไฟฟ้ากับควันบุหรี่ (BMJ Tobacco Control) เจาะจงว่าควันระเหยของบุหรี่ไฟฟ้านั้นมีพิษต่ำกว่าควันบุหรี่ทั่วๆไปถึง 99 เปอร์เซ็นต์ กระนั้น
ประชาชนทั่วไปโดยมากก็ยังคงจะมีความไม่วางใจในบุหรี่ไฟฟ้าที่ให้คุณประโยชน์ด้านสุขภาพของการช่วยชีวิตสำหรับคนที่มาอุตสาหะจะเลิกสูบบุหรี่
วิทยาศาสตร์บุหรี่ไฟฟ้า: การบรรจบกันของเทคนิคการค้นคว้าวิจัยไฮเทคและแบบเริ่มแรก
จากการวิจัยในปี 2018 กลุ่มนักวิทยาศาสตร์จาก Department of Environmental Technology, Kaunas University of Technology,
Lithuania ได้ระบุขึ้นเพื่อระบุความแปรปรวนที่คงจะเกิดขึ้นในกรอบช่วงการกระจายเวลาควันระเหยของบุหรี่ไฟฟ้าและควันบุหรี่ที่ติดไฟได้ การค้นคว้าวิจัยนี้นำโดยนักศึกษาค้นคว้าที่ชื่อเรื่องว่า เบส ได้ค้นพบความไม่เหมือนที่สำคัญบางประการโดยการสร้างห้องจำทดลองที่ดีไซน์มาเป็นพิเศษพร้อมระบบระบายอากาศที่ควบคุมได้อย่างบริบูรณ์แบบ
ระเบียบการสำหรับเพื่อการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้านั้นมีเนื้อหามากและสลับซับซ้อนมาก เพื่อจะหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะมีต้นเหตุจากการปนเลอะข้ามกัน หรือการรับรู้ถึงการจัดการทางวิทยาศาสตร์ อาสาสมัครที่คัดคัดสรรค์มาเป็นพิเศษสามคนจะเป่าควันบุหรี่หรือควัน
ระเหยบุหรี่ไฟฟ้าเข้าไปในห้องจำทดสอบ เวลาที่วางหุ่นจำทดลองที่มีเซ็นเซอร์ไฮเทคเอาไว้ในห้องเพื่อเป็นผู้แทนของผู้คนรอบข้างทั่วๆไปที่ไม่สูบบุหรี่
เซ็นเซอร์จะตรวจดูข้อมูลทางสถิติ ยกตัวอย่างเช่น จำนวนของควันระเหยหรืออนุภาคควันที่ไปสู่ห้อง จำนวนของอนุภาคที่แทรกซึมเข้าไปในเซ็นเซอร์ระบบทางเดินหายใจของหุ่นจำทดลอง ขนาดอนุภาค และช่วงเวลาที่อนุภาคจะระเหยจนหมด นักวิทยาศาสตร์ใช้เหตุการณ์
การระบายอากาศ ความชื้น และอุณหภูมิห้องหลายอย่าง และผู้ร่วมที่เป็นมนุษย์จะได้รับเฉพาะสินค้ายาสูบที่ติดไฟได้ และบุหรี่ไฟฟ้าที่จำหน่ายจากร้านบุหรี่ไฟฟ้าเชื่อใจได้ เพื่อใช้ในการทดลองแค่นั้น